27 กรกฎาคม 2552

ตักบาตรดอกไม้



..เทศกาลตักบาตรดอกไม้ ณ.วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี ซึ่งมีหนึ่งเดียวในโลกเท่านั้น ในวันแรมค่ำ เดือนแปดของทุกปี ทางจังหวัดได้จัดงานเป็นเวลา 3 วัน หลังจากตักบาตรในตอนเช้าแล้ว ได้พากันไปหาดอกไม้ชนิดหนึ่งซึ่งคล้ายต้นกระชายหรือต้นขมิ้น มีหลายสี สีขาว สีเหลือง สีม่วง เรียกกันว่า ดอกเข้าพรรษา (เพราะจะพบดอกไม้ชนิดนี้ตอนเข้าพรรษา)มารอใส่บาตรพระสงฆ์ ซึ่งพระภิกษุทั้งวัดจะเดินออกมาจากศาลาการเปรียญมารับดอกไม้จากพุทธศสนิกชนที่รอนำดอกไม้มาใส่บาตร เพื่อนำขึ้นไปสักการะรอยพระพุทธบาท ที่ประดิษฐานที่พระมณฑป โดยมีความเชื่อในคติชาวลังกาว่า พระพุทธเจ้าได้ประทับรอยพระพุทธบาทไว้ ๕ แห่ง ซึ่งรอยพระพุทธบาทในวัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร นี้เป็น 1 ใน 5 แห่ง หลังจากที่พระสงฆ์ได้นมัสการรอยพระพุทธบาทในมณฑปแล้วก่อนที่จะเข้าพระอุโบสถจะผ่านพุทธศสนิกชนที่เฝ้ารอยู่ตรงบันไดนาคเพื่อที่จะร่วมกันล้างเท้าพระภิกษุสงฆ์ ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นการชำระกิเลส ชำระบาปเพื่อจะได้บุญกุศลและความสุขทางจิตใจติดตัวกลับไป

21 กรกฎาคม 2552

ทุ่งดอกกระเจียว

......10โมงกว่าๆบนถนนเส้นสระบุรี-ชัยบาดาลสายฝนโปรยปรายลงมาตลอดไม่ขาดสาย รถกระบะเก่าๆแล่นด้วยความเร็วไม่มากนักฝ่าสายฝนมุ่งหน้าสู่ อ.เทพสถิต อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม บ่าย 2 โมงกว่าก็ถึงพบว่ามีรถนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นวันหยุดติดต่อกันถึง 5 วัน และมีการจัดงาน OTOP ด้วย ทำให้รถติดเป็นระยะทางไกลที่เดียว ประกอบกับฝนตกลงมาด้วย ทำให้บรรยากาศดูสับสนวุ่นวายไปหมด ผมและครอบครัวจอดรถได้ก็หาที่กางเต้นท์ทันที วันนี้มีเต้นท์ไม่มากนัก รู้สึกผิดหวังบ้างเหมือนกัน(นึกว่าจะเงียบสงบ)แต่ไม่เป็นไร ตอนเย็นฝนหยุดตก อากาศเริ่มเย็น ไม่นานหมอกก็โรยตัวมา ผมหวังว่าพรุ่งนี้เช้าคงจะมีหมอกบ้างนะ เจ้าหน้าที่บอกว่าเมื่อวานก็มีหมอกพอสมควร

เช้าตรู่......ที่ช่องเก็บเงินของอุทยานก็เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ทางอุทยานมีรถรับส่งจนถึงที่(ไม่ต้องเดิน)วันนี้ไม่มีหมอกเลยอาจจะเป็นเพราะสายแล้วก็ได้(เกือบ7โมง).....ที่สุดแผ่นดิน....มีแต่นักท่องเที่ยวเต็มไปหมด จึงไม่มีมุมที่จะถ่ายภาพเลย

Curcuma alismatifolia หรือ ดอกกระเจียว

...สุดแผ่นดิน...

ป่าหินงาม

ตัวอย่าง การท่องเที่ยวของคนไทยที่ไม่ดี (ไม่ทราบว่าขึ้นไปทำไม...)

01 กรกฎาคม 2552

เข้าพรรษา

....เทศกาลเข้าพรรษาของพุทธศาสนิกชนในปี ๒๕๕๒ ตรงกับ วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ วันพุธที่ ๘ เดือน กรกฏาคม พ.ศ. ๒๕๕๒....สาเหตุของการเข้าพรรษา พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตการจำพรรษาอยู่ ณ สถานที่ใดสถานที่หนึ่งตลอด ๓ เดือนแก่พระสงฆ์นั้น เพื่อให้พระสงฆ์ได้หยุดพักการจาริกเพื่อเผยแพร่ศสนาไปตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งจะเป็นไปด้วยความยากลำบากในช่วงฤดูฝน เพื่อป้องกันความเสียหายจากการอาจเดินเหยียบย่ำธัญพืชของชาวบ้านที่ปลูกไว้ในฤดูฝน และในช่วงเวลาจำพรรษาตลอด ๓ เดือนนั้น เป็นช่วงเวลาและโอกาศสำคัญในรอบปีที่พระสงฆ์จะได้มาอยู่จำพรรษารวมกันภายในอาวาสหรือสถานที่ใดสถานที่หนึ่งเพื่อศึกษาพระธรรมวินัยจากพระสงฆ์ที่ทรงความรู้ ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และสร้างความสามัคคีในหมุ่คณะสงฆ์ด้วย
....ประพณีเข้าพรรษาของพุทธศาสนิกชนชาวไทย ช่วงวันเข้าพรรษาจะมีกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา เช่น ทำบุญ ตักบาตร ฟังพระธรรมเทศนา ถวายผ้าอาบน้ำฝน(ผ้าวัสสิกสาฏก) ถวายต้นเทียนเข้าพรรษา หรือ หลอดไฟแสงสว่าง แก่พระสงฆ์เพื่อใช้ประโยชน์ในระหว่างที่จำพรรษาส่วนชายไทยที่เป็นพุทธศาสนิกชนที่อายุครบ ยี่สิบ ปีบริบูรณ์มักจะเข้าพิธี อุปสมบท เป็นพระสงฆ์ เพื่อจำพรรษาตลอด ๓ เดือน ส่วน ฆาราวาส (ผู้ครองเรือน)จะถือโอกาสนี้ตั้งจิตอธิฐาน เพื่อกระทำแต่ความดี เพื่อเป็นพุทธบูชา เช่น งดดื่มเหล้าระหว่างเข้าพรรษา งดอบายมุขต่างๆ ด้วย.....




23 มิถุนายน 2552

หลังสวน จ. ชุมพร


...ผ่านไปชุมพรเมื่อต้นฝน ได้แวะไปกราบ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ที่ตำหนัก หาดทรายรี เป็นครั้งแรกในชีวิตเพื่อสิริมงคล หาดทรายรีวันนี้เงียบเหงามากขาดการปรับปรุงดูแลไปบ้าง แต่ก็ดูมีมนต์ขลังอยู่ในตัว บ่าย 2 โมงกว่าถึงโรงแรม อวยชัยแกรนด์ ที่ อ.หลังสวนซึ่งติดกับถนนเพชรเกษม มีตลาดผลไม้ขนาดใหญ่ ช่วงนี้ก็มีทั้งทุเรียน มังคุด เงาะ อาหารปักใต้ก็อร่อยรสชาติจัดจ้าน ได้รู้จักลูกเนียงก็ที่นี่แหล่ะ...!!!! ที่หลังสวน มีวัฒนธรรมและประเพณีที่น่าสนใจมากมาย เช่น การแห่เรือทางบก การแห่เรือทางชลมารค การแข่งเรือยาวที่แตกต่างจากที่อื่น คือมีการขึ้นโขนเรือเพื่อชิงธงตอนเข้าเส้นชัย การแข่งเรือจะจัดช่วงเดือน ตุลาคม พฤศจิกายน ฝนแปดแดดสี่ เป็นสมญานามของดินแดนปักษ์ใต้บ้านเรา เพราะฉะนั้นควรมีการเตรียมตัวให้ดีนะครับ ฝนตกบ่อยมากจนเป็นเรื่องปกติสำหรับคนที่นี่....
ทุ่มเศษๆถนนเพชรเกษม หน้าโรงแรม อวยชัยแกรนด์ อ. หลังสวน
หอยอะไรครับ...???
คางคกลาว (คนขายบอก)

12 กุมภาพันธ์ 2552

ภาวะซึมเศร้า






กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ให้ลองถามตัวเองด้วยคำถาม 15 ข้อดังต่อไปนี้...

  1. รู้สึกจิตใจหม่นหมอง(เกือบตลอดทั้งวัน)หรือไม่
  2. รู้สึกเป็นทุกข์จนอยากร้องไห้
  3. รู้สึกหมดอาลัยตายอยาก
  4. รู้สึกไม่มีความสุข หมดสนุกกับสิ่งที่เคยชอบและเคยทำ
  5. รู้สึกผิดหวังในตนเอง และโทษสิ่งที่เกิดขึ้น
  6. รู้สึกอยากอยู่คนเดียวไม่อยากสุงสิงกับใคร
  7. รู้สึกตนเองไม่มีคุณค่า
  8. คิดอะไรไม่ออก
  9. หลงลืมง่าย
  10. คิดอะไรได้ช้ากว่าปกติ
  11. ทำอะไรอืดอาด เชื่องช้ากว่าปกติ
  12. รู้สึกอ่อนเพลียง่ายเหมือนไม่มีแรง
  13. รู้สึกเบื่ออาหาร กินได้น้อยกว่าเดิม
  14. นอนหลับๆตื่นๆนอนหลับไม่สนิท 15. รู้สึกสูญเสียความเชื่อมั่นในตนเอง
    ถ้ามีคำตอบตั้งแต่ 6 ข้อขึ้นไป หมายถึงมีภาวะซึมเศร้า ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือพบแพทย์ ขณะที่คนใกล้ชิดต้องคอยสังเกตด้วย โรคซึมเศร้าเป็นโรคหนึ่งที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน สาเหตุที่จะกระตุ้นอาการป่วยคือ ความเสี่ยงทางพันธุกรรม สภาพจิตใจ และเผชิญกับสถานการณ์เลวร้าย.......ลักษณะของคนป่วย มักจะชอบแยกตัวอยู่คนเดียว ย้ำคิดย้ำทำ เชื่องช้า ซึม เก็บตัว ชอบพูดเปรยว่าถ้าไม่มีเขาอะไรคงจะดี และพูดสั่งเสียอยู่เรื่อยๆ
    ผู้ป่วยจะมีอาการหนักราว 2-3 เดือน ถือเป็นช่วงอันตรายที่สุด เพราะมีโอกาศคิดสั้นฆ่าตัวตายสูงมาก หากมีเรื่องกระทบจิตใจเพียงนิดเดียว แต่ถ้าพ้นช่วงนี้ไปได้ก็จะกลับสู่ภาวะปกติ อาการของโรคจะกำเริบเมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ล่วงหน้า บางคน 1-2 ปี บางคนเพียง 6เดือน แต่ถ้ารู้ว่าตัวเองป่วยก็สามารถรักษาให้หายได้ด้วยการเข้าพบจิตแพทย์และกินยาตามแพทย์สั่ง.......มีผู้ที่ฆ่าตัวตายมากถึงร้อยละ 60 ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า โดยคนที่เป็นโรคนี้เมื่อประสบกับความผิดหวังหรือปัญหาชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัว ความรัก หรือการศึกษา ผู้ป่วยจะคิดฆ่าตัวตายได้ง่ายกว่าคนปกติ 3 เท่าจากการสำรวจประชากรไทยป่วยเป็นโรคซึมเศร้าถึงร้อยละ 5 หรือกว่า 3 ล้านคน ยังไม่รวมถึงคนที่ไม่รู้ตัวเองว่าป่วย และโรคนี้มีการถ่ายทอดทางพันธุกรรมจากพ่อแม่สู่ลูกอีกด้วย
    เมื่อตรวจสมองจะพบความผิดปกติของสารเคมีชื่อ เซโรโทนิน มีปริมาณลดลง ทำให้รู้สึกท้อแท้ หงอยเหงา เบือหน่าย ไม่สนุกสนานกับชีวิต นอนไม่หลับ สะดุ้งตื่นกลางดึก ฝันร้ายบ่อยๆ ส่งผลกระทบให้ความสามารถในการทำงานลดลงการเลี้ยงดูก็มีส่วน คนที่ขาดความภูมิใจในตนเอง มองตนเองและโลกในแง่ลบตลอดเวลา หรือเครียดง่ายเมื่อเจอมรสุมชีวิต ทำให้มีโอกาสป่วยง่ายขึ้นการช่วยเหลือด้านจิตใจเบื้องต้น เนื่องจากผู้ป่วยมีแนวคิดในแง่ลบมองว่าตนเองอาการหนัก เป็นโรคที่รักษาไม่หาย ไม่มีใครเป็นแบบตน ในปัจจุบันโรคนี้รักษาหายได้ด้วยการใช้ยา การรักษาทางจิตใจ หรือทั้งสองอย่างร่วมกัน

......ต้องการคำปรึกษา โทร. 1667 สายด่วนกรมสุขภาพจิต........

19 มกราคม 2552

ตรุษจีนมาแล้ว



วันที่ 26 เดือน มกราคม 2552 ตรงกับขึ้นหนึ่งค่ำ เดือนหนึ่ง หรือ วันตรุษจีน หรือวันขึ้นปีใหม่ของชาวคนไทยเชื้อสายจีนจะมีพิธีกรรมการเตรียมตัวก่อนเพื่อต้อนรับปีใหม่ที่สมบูรณ์แบบ ก่อนอื่นจะต้องทำความสะอาดบ้านเรือนและซ่อมแซมบ้านให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ก่อนที่จะเข้าสู่พิธีกรรมการไหว้ตามประเพณี .....มีขั้นตอนดังนี้
  • วันจันทร์ที่ 19 ม.ค 2552 ดิถี24 ค่ำเดือน 12 จีน เป็น วันไหว้ส่งเทพเจ้ากลับสวรรค์ ของสำคัญในการไหว้ ได้แก่ ขนมแป้งข้าวเหนียวพร้อมกับน้ำตาลทรายแดง
  • วันเสาร์ที่ 24 ม.ค 2552 ดิถี 29 ค่ำ เดือน 12 จีนเป็นวัน จับจ่าย ซื้อข้าวของเตรียมไหว้เจ้า
  • วันอาทิตย์ที่ 25 ม.ค 2552 ดิถี30 ค่ำ เดือน 12 จีน เป็น วันไหว้บรรพบุรุษและไหว้วิญญาณไร้ญาติสัมภเวสี เป็นการทำบุญทำทานส่งท้ายปีเก่าเพื่อต้อนรับปีใหม่......ในวันรุ่งขึ้น
  • วันจันทร์ที่ 26 ม.ค 2552 ดิถี 1 ค่ำ เดือน 1 จีนเป็น วันถือ เป็นวันแรกของเทศกาลขึ้นปีใหม่ หรือ วันตรุษจีน จะทำการไหว้เทพเจ้าโชคลาภ ไฉซิ้งเอี๊ย การไหว้ของแต่ละครอบครัวจะไม่เหมือนกัน (แตกต่างกันตามปีเกิดของเจ้าของบ้าน ทิศทางของอาคารบ้านเรือนนั้น)

เพื่อก่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล ร่ำรวยเงินทอง ตลอดปีใหม่ และในวันนี้เป็นวันที่ให้ลูกหลาน ได้กราบไหว้ บิดามารดา ปู่ย่า ตายาย ผู้มีพระคุณ เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูและแสดงความนอบน้อม ของสำคัญในการไหว้ได้แก่ ส้มสีทอง ซึ่งหมายถึง ความสวัสดีมหามงคล จำนวน 4 ผล (ตามแบบชาวจีนเตี่ยจิว หรือ แต้จิ๋ว) ช่วงเวลาการไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ที่ดีที่สุดของปีนี้อยู่ระหว่างเวลา 03.00-05.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 26 ม.ค.

ทั้งนี้ชาวจีนเตรียมจัดของไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภอย่างพิถีพิถ้น โดยแบ่งเป็น เนื้อสัตว์, ผลไม้, ขนมหวาน, กับข้าวคาว, กับข้าวเจ อย่างละห้าหรือสามชนิด พร้อมสุรา น้ำชา ข้าวสวย และกระดาษเงินกระดาษทองชนิดต่างๆ โดยจัดเรียงตามลำดับความสำคัญตามชนิดของอาหาร ซึ่งจะมีชื่อเรียกพ้องเสียงของคำมงคล และผลไม้ที่ขาดไม่ได้บนโต๊ะไหว้คือ ส้มมหามงคล สีทองที่ชาวจีนเรียกว่า ส้มไต่กิก เพราะหมายถึง ตวามสวัสดีมงคลอย่างยิ่ง

สรรพมงคลในของไหว้

กล้วย หมายถึง กวักโชคลาภเข้ามา และขอให้มีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง, แอปเปิ้ล-ความสันติสุข สันติภาพ, สาลี่-โชคลาภมาถึง (ควรระวัง ไม่นิยมไหว้บรรพบุรุษและวิญญาณไร้ญาติ), ส้มสีทอง-ความสวัสดีมหามงคล, องุ่น-ความเพิ่พูน, ไก่-ความสง่างาม ขุนนาง ยศ และ ความขยันขันแข็ง ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน, เป็ด-สิ่งที่บริสุทธิ์ ความสะอาด ความสามารถอันหลากหลาย, ปลา-เหลือกินเหลือใช้ อุดมสมบูรณ์, หมู-ความอุดมสมบูรณ์ มีกินมีใช้, ปลาหมึก-เหลือกินเหลือใช้ (เหมือนปลา)

ขนมเข่ง-ความหวานชื่นชีวิตมีความราบรื่น รูปลักษณ์มีความหมายของชะลอมเก็บของ เมื่อรวมกันกับความหวานชื่น จึงมีความหมายว่า ความหวานชื่นอันสมบูรณ์, ขนมถ้วยฟู-ความเพิ่มพูน เฟื่องฟู เช่นเดียวกับ ขนมสาสี่ ขนมเทียน-ไม่ไช่ขนมของชาวจีนดั้งเดิม แต่เป็นขนมชาวจีนโพ้นแผ่นดินดัดแปลงจากขนมท้องถิ้น (ของไทย) จากขนมใส่ใส้ เปลี่ยนจากแป้งข้าวเจ้าผสมกระทิเป็นแป้งข้าวเหนียว จึงมีความหมายเดียวกับขนมเข่ง คือความหวานชื่นราบรื่น ส่วนรูปลักษณ์สามเหลี่ยมกรวยแหลม มีลักษณะมงคลในทางศาสนา คือ เจดีย์ และ จันอับ (จั๋งอั๊บ)-ปิ่นโต....(จั๋งหมายถึงชั้น, อั๊บ หมายถึงกล่อง) ความหมายรวมของ จั๋งอั๊บ คือ ความหวานที่เพิ่มพูน มีความสุขตลอดไป...........

ขอกราบขอบพระคุณ อาจารย์วิศิษฎ์ เตชะเกษม ผู้ศึกษาค้นคว้าวัฒนธรรมจีนชื่อดังของเมืองไทย ที่เอื้อเฟื้อข้อมูลดีๆ

15 มกราคม 2552

คลองปลากั้ง



......สวัสดีปีใหม่ครับ....พี่น้อง(คงยังไม่สายไปนะ) Trip นี้ได้มีโอกาศไปเที่ยวที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เมื่อช่วงปีใหม่นี้เอง เนื่องจากพิษของโรค Hamberger จากฝั่งมะกันโน่นจนทำให้ครอบครัวผมต้องเปลี่ยนจากการไปเที่ยวภาคเหนือต้องOKที่วังน้ำเขียวแทน สถานที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ ระดับโอโซนอยู่ในอันดับ 7 ของโลก ซึ่งก็ไม่ไกลจากกรุงเทพเลย โดยใช้เส้นทาง 304 ผ่านฉะเชิงเทรา กบินทร์บุรี มุ่งหน้านครราชสีมา ช่วงนี้อากาศดีมีสถานที่น่าเที่ยวมากมาย (สมกับเมืองไทยไม่ไปรู้)



อุทยานแห่งชาติทับลาน อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เขาสลักได เขาแผงม้า ผาเก็บตะวัน อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง คลองปลากั้ง ขญ 4 ศูนย์ท่องเที่ยวเชิงเกษร ฟาร์มเห็ดหอม ไร่องุ่น สวนดอกไม้ น้ำตกอีกมากมาย มีกิจกรรมให้ทำอีก เช่น พายเรือ ดูนก ถีบจักรยาน เดินป่า ส่องสัตว์ ดูกระทิง.... ที่พักก็สะดวกสบายมีรีสอร์ทให้เลือกมากมายหรือชอบแบบลุยๆก็มีสถานที่กางเต้นท์ไว้บริการไว้อีกหลายแห่ง เช่น เขาแผงม้า คลองปลากั้ง ทับลาน สวนห้อม ริมอ่างลำพระเพลิง รีสอร์ทต่างๆ ........ต้องขอขอบพระคุณ พันตำรวจโท ศักดิ์ศิลป์ เทพกลาง หรือ ลุงอ้วน ที่ส่งเด็กๆมาให้ข้อมูลการท่องเที่ยว อ.วังน้ำเขียวอย่างละเอียด ที่ศูนย์เรียนรู้การท่องเที่ยวบ้านบุเจ้าคุณ โทรศัพท์ 0898386022



......ผมกับครอบครัวเลือกกางเต้นท์ที่ คลองปลากั้ง ขญ4 สถานที่กว้างขวางมีที่ให้เด็กวิ่งเล่นได้สบายๆ ห้องน้ำก็ OK เจ้าหน้าที่ป่าไม้ก็ใจดีทุกท่าน ให้ความรู้ความกระจ่างได้ดีมาก ผมกางเต้นท์เสร็จเกือบ บ่าย 3 โมง เจ้าลูกชายผมเอาการบ้าน kumon มาทำดัวย ส่วนผมก็อ่านหนังสือที่เตรียมไปดัวย แม่บ้านก็จัดการกับเสบียงที่เตรียมมา สักพักก็มีครอบครัวหนึ่งกำลังช่วยกันกางเต้นท์อยู่อย่างขมักขเม้นและแสงก็กำลังดีก็เลยเป็น ปาปารัชซี่จำเป็นเสียเลย(ทราบภายหลังว่าพี่ พิษณุนำทีมมาจาก ปากน้ำ พอรุ่งขึ้นพี่ พิษณุก็ขึ้นเขาใหญ่กันตั้งแต่เช้า )พอ 4 โมงเย็นอาทิตย์จะลับทิวเขาใหญ่ไปหลังจากอาบน้ำ กินอาหารค่ำแล้วหาเศษไม้มาก่อไฟ(ในเตา)แก้หนาวกันพอเที่ยงคืนก็มีเสียงพลุ มีโคมลอย เสียงไชโยมาเป็นระยะๆ พร้อมกับเสียงข้อความของโทรศัพท์ดังแว่วๆจากเต้นท์ใกล้ๆ
เช้าวันแรกของปี52 ท้องฟ้ามีเมฆมากเป็นพิเศษแต่อากาศดีมาก วันนี้ได้ออกเดินป่าบริเวณข้างๆอุทยานกับลูกชายออกไปกินข้างอ่างเก็บน้ำ หากาแฟกินที่ไร่องุ่น ผมได้คุยกับคนท้องที่ก็ทราบว่าที่ดินบริเวณนี้ถูกนายทุนซื้อเก็บไว้หมด ซื้อภูเขาเป็นลูกๆ 40 ล้านกว่าเอง...!!!!!


เดินป่า.....พักเหนื่อย


ดินโป่ง ที่สัตว์ต่างๆรวมทั้งกระทิงด้วยออกมากินเพื่อเพิ่มสารอาหาร

หอดูสัตว์
ที่นี่มีกิจกรรมหลายอย่างมาก อาทิ ดูนก เดินป่ามี 3 แบบให้เลือก 16.00-18.00 ดูกระทิงที่หอ ถ้าจะส่องสัตว์ต้อง 1 ทุ่มจะมี มัคคุเทศคอยให้คำแนะนำว่าการดูกระทิงควรจะ ไม่ส่งเสียงดัง ไม่ใส่น้ำหอม ไม่เอาเครื่องดืมหรืออาหารเข้าไปในบริเวณ ไม่แต่งตัวสีฉูดฉาด แต่วันนี้ผมก็ผิดหวังเหมือนกัน เพราะมีทุกอย่างที่เขาห้าม เจ้าหน้าที่บอกว่าต้องเป็นฤดูร้อนจะมีโอกาศเห็นกระทิงได้มากกว่า
ที่ระลึก...คลองปลากั้ง

เปิดงานดอกเบญจมาศบาน

ผักสดจากแปลงปลูก

สีสัน

ที่ระลึก,ของฝาก

แชะ.........ก่อนกลับบ้าน......สวัสดีครับ พบกันTripหน้า......

"Just pick only photograph,just leave only memory"