12 กุมภาพันธ์ 2552

ภาวะซึมเศร้า






กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ให้ลองถามตัวเองด้วยคำถาม 15 ข้อดังต่อไปนี้...

  1. รู้สึกจิตใจหม่นหมอง(เกือบตลอดทั้งวัน)หรือไม่
  2. รู้สึกเป็นทุกข์จนอยากร้องไห้
  3. รู้สึกหมดอาลัยตายอยาก
  4. รู้สึกไม่มีความสุข หมดสนุกกับสิ่งที่เคยชอบและเคยทำ
  5. รู้สึกผิดหวังในตนเอง และโทษสิ่งที่เกิดขึ้น
  6. รู้สึกอยากอยู่คนเดียวไม่อยากสุงสิงกับใคร
  7. รู้สึกตนเองไม่มีคุณค่า
  8. คิดอะไรไม่ออก
  9. หลงลืมง่าย
  10. คิดอะไรได้ช้ากว่าปกติ
  11. ทำอะไรอืดอาด เชื่องช้ากว่าปกติ
  12. รู้สึกอ่อนเพลียง่ายเหมือนไม่มีแรง
  13. รู้สึกเบื่ออาหาร กินได้น้อยกว่าเดิม
  14. นอนหลับๆตื่นๆนอนหลับไม่สนิท 15. รู้สึกสูญเสียความเชื่อมั่นในตนเอง
    ถ้ามีคำตอบตั้งแต่ 6 ข้อขึ้นไป หมายถึงมีภาวะซึมเศร้า ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือพบแพทย์ ขณะที่คนใกล้ชิดต้องคอยสังเกตด้วย โรคซึมเศร้าเป็นโรคหนึ่งที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน สาเหตุที่จะกระตุ้นอาการป่วยคือ ความเสี่ยงทางพันธุกรรม สภาพจิตใจ และเผชิญกับสถานการณ์เลวร้าย.......ลักษณะของคนป่วย มักจะชอบแยกตัวอยู่คนเดียว ย้ำคิดย้ำทำ เชื่องช้า ซึม เก็บตัว ชอบพูดเปรยว่าถ้าไม่มีเขาอะไรคงจะดี และพูดสั่งเสียอยู่เรื่อยๆ
    ผู้ป่วยจะมีอาการหนักราว 2-3 เดือน ถือเป็นช่วงอันตรายที่สุด เพราะมีโอกาศคิดสั้นฆ่าตัวตายสูงมาก หากมีเรื่องกระทบจิตใจเพียงนิดเดียว แต่ถ้าพ้นช่วงนี้ไปได้ก็จะกลับสู่ภาวะปกติ อาการของโรคจะกำเริบเมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ล่วงหน้า บางคน 1-2 ปี บางคนเพียง 6เดือน แต่ถ้ารู้ว่าตัวเองป่วยก็สามารถรักษาให้หายได้ด้วยการเข้าพบจิตแพทย์และกินยาตามแพทย์สั่ง.......มีผู้ที่ฆ่าตัวตายมากถึงร้อยละ 60 ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า โดยคนที่เป็นโรคนี้เมื่อประสบกับความผิดหวังหรือปัญหาชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัว ความรัก หรือการศึกษา ผู้ป่วยจะคิดฆ่าตัวตายได้ง่ายกว่าคนปกติ 3 เท่าจากการสำรวจประชากรไทยป่วยเป็นโรคซึมเศร้าถึงร้อยละ 5 หรือกว่า 3 ล้านคน ยังไม่รวมถึงคนที่ไม่รู้ตัวเองว่าป่วย และโรคนี้มีการถ่ายทอดทางพันธุกรรมจากพ่อแม่สู่ลูกอีกด้วย
    เมื่อตรวจสมองจะพบความผิดปกติของสารเคมีชื่อ เซโรโทนิน มีปริมาณลดลง ทำให้รู้สึกท้อแท้ หงอยเหงา เบือหน่าย ไม่สนุกสนานกับชีวิต นอนไม่หลับ สะดุ้งตื่นกลางดึก ฝันร้ายบ่อยๆ ส่งผลกระทบให้ความสามารถในการทำงานลดลงการเลี้ยงดูก็มีส่วน คนที่ขาดความภูมิใจในตนเอง มองตนเองและโลกในแง่ลบตลอดเวลา หรือเครียดง่ายเมื่อเจอมรสุมชีวิต ทำให้มีโอกาสป่วยง่ายขึ้นการช่วยเหลือด้านจิตใจเบื้องต้น เนื่องจากผู้ป่วยมีแนวคิดในแง่ลบมองว่าตนเองอาการหนัก เป็นโรคที่รักษาไม่หาย ไม่มีใครเป็นแบบตน ในปัจจุบันโรคนี้รักษาหายได้ด้วยการใช้ยา การรักษาทางจิตใจ หรือทั้งสองอย่างร่วมกัน

......ต้องการคำปรึกษา โทร. 1667 สายด่วนกรมสุขภาพจิต........